ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

หนังไทยเพื่อ "พ่อหลวง"

หนังไทยเพื่อ  "พ่อหลวง"
" ด้วยเกล้า "



                      ด้วยเกล้า เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงออกถึงความจงรักภักดี และความเคารพเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีเนื้อหาสาระเป็นคติสอนใจคน ซึ่งถ่ายทอดจากความรู้สึกของชาวนาและความยากลำบากของกระดูกสันหลังของชาติ แต่ยังดีที่แม้ว่าทุกคนจะแร้นแค้นยากจนสักเพียงใด ความร่มเย็นและน้ำพระทัยของ“ในหลวง” ก็แผ่กระจายเอาความชุ่มชื่นร่มเย็นไปถึง...
   




เรื่องย่อ ด้วยเกล้า


                "เสาคำ"    ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ กลับบ้านเกิดในภาคเหนือพร้อมกับเมล็ดข้าวที่แย่งมาได้จากท้องสนามหลวงเพียงไม่กี่เมล็ด โดยตั้งใจจะนำไปแยกปลูกในที่ดินของตนเพื่อเป็นสิริมงคล เวลาผ่านไปหลายปี หมู่บ้านของเสาคำประสบภัยแล้ง ทำให้ปลูกข้าวไม่ได้ติดต่อกันมานาน คนส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพทำนาพากันเดือดร้อน

.


                จนหลายครอบครัวทนไม่ไหว ต้องพากันอพยพไปยังถิ่นอื่น น้ำกินน้ำดื่มต้องอาศัยซื้อหาเอาจากบ่อน้ำแห่งเดียวของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นของแม่เลี้ยงบัวเรียน เศรษฐีบ้านนอกนักปล่อยเงินกู้หน้าเลือด ความพยายามแรกของชาวนาในการเสาะแสวงหาน้ำแหล่งใหม่ คือ พึ่งไสยศาสตร์ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว


              ลูกชายคนโตของเสาคำ  ที่ได้ทุนหลวงไปเรียนต่อเมืองนอก ได้กลับมาทำงานโครงการหลวงบนดอย เขาตกลงใจจะยื่นฎีกาขอฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพ่อและชาวนาในละแวกนั้น ทำให้หมู่บ้านอันแห้งแล้งสามารถกลับมาปลูกข้าวได้อีกครั้งในที่สุด แต่ขณะที่ทุกคนกำลังดีใจอยู่นั้น คำปั๋น  และติ๊บ ภรรยา  กลับต้องเศร้าใจ เมื่อถูกแม่เลี้ยงบัวเรียนยึดนากับบ้านเพราะไม่ยอมส่งเงินใช้หนี้ ทั้งสองจึงย้ายมาอยู่กับเสาคำ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน ตามคำชวนของฝ่ายหลัง


                 สำอาง  ลูกชายคนเล็กของเสาคำ ไม่พอใจชีวิตชาวนาที่ยากจนแบบพ่อ เขาหนีไปอยู่กับพวกค้าฝิ่น ก่อนจะพบรักกับนาจา  สาวชาวเขา แต่ยิ่งสำอางถลำตัวลึกลงไปเท่าใด เขาก็ยิ่งนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวแบบไม่จบสิ้น โดยเฉพาะการทำให้คำนึง น้องชายของติ๊บที่เป็นตำรวจตระเวนชายแดนต้องออกจากราชการ เพราะพยายามจะช่วยสำอางตามคำขอของเสาแก้ว  ลูกสาวคนเดียวของเสาคำ เมื่อครั้งตำรวจบุกกวาดล้างพวกค้าฝิ่น


                 แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่สามารถปลูกพืชอื่นทดแทนข้าวได้ สำอางเลิกคบกับพวกค้าฝิ่น แล้วหันมาช่วยพ่อในการเพาะเห็ด ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเสาแก้วกับคำนึง แม่เลี้ยงบัวเรียนต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นเพราะไม่มีใครมาใช้บริการเงินกู้ หรือซื้อของจากเธออีกต่อไป ส่วนเสาคำเอง ที่แม้จะหันไปปลูกพืชอย่างอื่นแทนแล้ว แต่เขาก็ยังกันที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกข้าวของในหลวงเพื่อใช้ถวายในวันที่พระองค์ท่านเสด็จมาเยือน


                  เสาคำโง่หรือที่ไม่ยอมขายนาแล้วเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นซึ่งมีรายได้ดีกว่า อพยพจากผืนดินแห้งแล้งนี้ไปอยู่ในเมืองตามคำแนะนำของสำอาง คำตอบที่หนังเรื่องด้วยเกล้ามอบให้คนดู คือ เงินหาใช่ตัวแปรสำคัญสูงสุดในการดำรงชีวิตให้มีความสุขและมีคุณค่า เพราะบุคคลที่ได้ชื่อว่าถึงพร้อมในเรื่องเงินทองอย่างแม่เลี้ยงบัวเรียนกลับไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในหมู่บ้านได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

                สำหรับเสาคำ เงินกลายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเขาพยายามจะรักษาที่ดินไว้ ช่วยเหลือคนรู้จัก และให้ลูกๆ ได้อยู่ดีกินดี แต่เมื่อเทียบกับผืนแผ่นดินที่บรรพบุรุษของเขาต่อสู้กันมานับสิบรุ่นแล้ว เงินไม่สามารถจูงใจให้เขาขายที่ดินได้ เช่นเดียวกับอาชีพเกษตรกร ซึ่งสืบทอดกันมาช้านาน สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือน “รากเหง้า” ของชีวิตเสาคำ เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่อย่างสำอางไม่อาจเข้าใจและเข้าถึงได้

                 แม้ตอนท้าย เสาคำจะเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นแทนข้าว แต่หลักปรัชญาในการดำรงชีพของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มันเพียงแต่ปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น เขายังคงเป็นเกษตรกรผู้เมตตา ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ รักถิ่นฐาน และมอบความจงรักภักดีให้กับในหลวงอย่างจริงใจ....

              ภาพยนตร์เรื่องด้วยเกล้านี้ มีการเดินทางมายาวนานถึง 19 ปีเต็ม เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับเกียรติจากในวัง ขอนำภาพยนตร์ไปฉายที่ "สนามหลวง" ทุกวันที่ 5 ธ.ค. ของทุกปี เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่บอกเล่าถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระองค์ท่าน......

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

หัวใจของลูก..."รักพ่อภาคปฏิบัติ"

หัวใจของลูก..."รักพ่อภาคปฏิบัติ"




        ตรงนี้้  "คนรักพ่อ" รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจาก

กลุ่มไหน สีไหน ก็ต้อนรับ ขอเพียงมาตรงนี้ ทุกคนอยู่กลุ่ม

เดียวกัน คือกลุ่มของคนรักในหลวง ไม่แยก ไม่แตก จำให้

ขึ้นใจ พวกล้มเจ้ารวมกันเข้มแข็ง แล้วพวกเราจะแยกกันอีก

ทำไม





v ถวายสัตย์ปฏิญาณ สวดมนต์ และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ที่ศิริราช  ทุกวันอาทิตย์ ๑๐.๐๐ น.


ร่วมกันตัดสติ๊กเกอร์ติดรถ *รักพ่อภาคปฏิบัติ*




ช่วยกันแจกสติ๊กเกอร์ 





" อยากขอบคุณ "     ขอบคุณที่อุ้มชูที่สั่งสอนที่เลี้ยงดู
ให้ลูกโตมาแม้หัวใจเหน็ดเหนื่อย พ่อไม่เคยอ่อนล้า
พ่ออดทนจนลูกมีวันที่ดี

อยากเห็นวันที่พ่อมีความสุข หัวใจและวันนั้น
ก็สมหวังในวันนี้ แผ่นฟ้าและผืนดิน
ยอมรับคุณความดี ให้พ่อคนนี้พ่อที่ลูก ๆ ภูมิใจ

*
นี่เป็นเสียงจากหัวใจของลูกทุกคน *
คำขอบคุณหมื่นล้านคำ ที่บอกไป
แม้ไม่อาจเทียบแทนเศษเสี้ยวที่พ่อเคยให้
แต่แทนใจว่าลูกซึ้งในพระคุณ 

พ่อรู้ใช่มั้ยว่าลูกทุกคนรักพ่อ

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

" เอกลักษณ์ไทย "

" เอกลักษณ์ไทย "



หลายร้อยปีดีดัก....
เอกลักษณ์ คนไทยทราบไปทั้งโลก
รอยยิ้มบนหน้า เหมือนหนึ่งว่า มิมีทุกข์โศก
คนไทยเหมือนคนมีโชค ถูกโฉลกโลกทุกสมัย
เคารพคน สูงกว่า แหละศรัทธา ในครูผู้เคยสอนให้
ไม่ทิ้งพ่อแม่ เลี้ยงดูแลให้แกชื่นใจ
สิบนิ้วน้อม พนมไหว้ เคารพผู้ใหญ่ เป็นอาจิณ





**รักในหลวง ห่วงประเทศอยู่ไม่จาง**
ประเทศไทยตั้งแต่สร้าง มิเคยว่าง พระเจ้าแผ่นดิน
เอกลักษณ์นี้ ฟ้าประจักษ์และโลกได้ยิน
ว่าไทยในทั้งธานินทร์ พระเจ้าแผ่นดิน คือหัวใจ
ไทยมิเคยเป็นทาส ให้ต่างชาติ มาคอยชี้เหนือชี้ใต้
เอกลักษณ์หนึ่ง ซึ้งอยู่ในหัวใจคนไทย
**เรามีวัดงามไกลใกล้ มีพระสอนให้ เราทำดี**




ไทยมิเคยเป็นทาส
ให้ต่างชาติ มาคอยชี้เหนือชี้ใต้ เอกลักษณ์หนึ่ง
ซึ้งอยู่ในหัวใจคนไทย เรามีวัดงามไกลใกล้
มีพระสอนให้ เราทำดี 



วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลงของพ่อ...

เพลง สรรเสริญพระบารมี




ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน
นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน
พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์
ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย





เพลง เดินตามรอยเท้าพ่อ

แม้........ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน
ลูกขอตั้งปณิธานสานสิ่งที่พ่อสร้างไว้
จะขอเดินตามรอยของเท้าพ่อไป
เหนื่อยยากเพียงไหนไม่ทำให้พ่อผิดหวัง
กี่น้ำหยาดเหงื่อที่พ่อหลั่งเพื่อคนไทย
กี่แสนนาทีล่วงไปที่พ่อเหนื่อยยากตรากตรำ
ฝ่าลมฝนพ่อทนสู้ทำ
อาบเหงื่อต่างน้ำนำทางเพื่อลูกเรื่อยมาก
พ่อเป็นมากกว่าพ่อคนไหน
พ่อเป็นหนึ่งในใจตลอดเวลา
เป็นภาพจำงดงามอยู่ในสายตา
เป็นแรงศรัทธาแรงกล้าอยู่ในหัวใจ
แม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน
ลูกขอตั้งปณิธานสานสิ่งที่พ่อสร้างไว้
จะขอเดินตามรอยเท่าพ่อไป
เหนื่อยยากเพียงไหนไม่ทำให้พ่อผิดหวัง



เพลง ส่งความสุขให้พ่อด้วยรอยยิ้ม 


เรามีชีวิตเป็นอยู่ที่สุขสบาย
จากหยาดเหงื่อและความตั้งใจ ที่พ่อไม่เคยหยุดยั้ง
จะมีใครในโลก ที่ทุ่มเทและทำทุกอย่าง
เพียงเพื่อหวังให้ลูกสุขใจ
เรายังมีเรื่องให้พ่อต้องห่วงเสมอ
ที่ยังหาหนทางไม่เจอ ก็ต้องค้นหาต่อไป
แต่ว่าในวันนี้หนทางหนึ่งจะทำง่ายดาย
ให้พ่อได้คลายความห่วงกังวล
 ช่วยกันส่งความสุขให้พ่อ ด้วยรอยยิ้มจากใจ
ยิ้มที่สื่อความหมาย แทนคำพูดคนไทยทุกคน
ส่งรอยยิ้มใสๆ ให้พ่อสิ้นความกังวล
ว่าวันนี้ลูกพ่อทุกคนยังสุขสบาย
เราคงไปถึง วันหนึ่งที่พ่ออยากเห็น
จะไม่มีเรื่องใดยากเย็น เกินกว่าจะข้ามผ่านไป
แต่ยังมีบางเรื่อง ที่เราทำในวันนี้ได้
ให้พ่อได้คลายความห่วงกังวล
ส่งรอยยิ้มให้พ่อของเรา กันเถิดคนไทย



เพลง ต้นไม้ของพ่อ

นานมาแล้ว.. พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา เพื่อวันหนึ่งจะบังลมหนาว
และคอยเป็นร่มเงา ปลูกไว้เพื่อพวกเรา ทุกทุกคน
พ่อใช้เหงื่อแทนน้ำรดลงไป เพื่อให้ผลิดอกใบออกผล
ให้เราทุกทุกคนเติบโตอย่างร่มเย็นในบ้านเรา
ผ่านมาแล้ว ห้าสิบปี ต้นไม้นั้นสูงใหญ่ ลมแรงเท่าไรก็บรรเทา
ออกผลให้เก็บกินแตกใบเพื่อให้ร่มเงา คอยดูแลเรา ให้เรายังมีวันต่อไป
จนวันนี้ ใต้เงาแห่งต้นไม้ต้นใหญ่ ลูกได้อยู่ได้คอยอาศัย
แผ่นดินยังกว้างไกล แต่เหมือนว่าหัวใจพ่อกว้างกว่า
ลูกที่เกิดตรงนี้นั้นยังอยู่ และยังอยู่เพื่อคอยรักษา
จะรวมใจเข้ามา จะมีเพียงสัญญาในหัวใจ
จากวันนี้สักหมื่นปี ต้นไม้ที่พ่อปลูก ต้องสวยต้องงดงามและยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม จากรอยที่พ่อตั้งใจ เหงื่อเราจะเทไป
ให้ต้นไม้ของพ่อยังงดงาม
จากวันนี้สักหมื่นปี ต้นไม้ที่พ่อปลูก ต้องสวยต้องงดงามและยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม จากรอยที่พ่อตั้งใจ เหงื่อเราจะเทไป จากหัวใจ
เหงื่อเราจะเทไป ให้ต้นไม้ของพ่อ ยังงดงาม



เพลง  รูปที่มีทุกบ้าน

ตั้งแต่....เล็กยังเคยได้ถามแม่ว่า
บนข้างฝาบ้านเรานั่นติดรูปใคร
ที่แม่คอยบูชาประจำก่อนนอนทุกคืน จะต้องไหว้
แม่ตอบว่าให้กราบรูปนั้นทุกวัน
ท่านเป็นเทวดาที่มีลมหายใจ
ที่เรายังพอมีกินอย่างวันนี้
ท่านดูแลคนไทยมานานเหลือเกิน ให้จำไว้
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ
เติบโตมากี่สิบปีที่ผ่าน
ภาพที่เห็นคือท่านทำงานทุกวัน
เมื่อไรเราทำอะไรที่เกิดท้อ
แค่มองดูรูปบนข้างฝาจะได้กำลังใจ จากรูปนั้น
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ
จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี


เพลง  เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม


เราจะ..ครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ทุกบ้านทุกถิ่น ภูเขาทุกดอยทุกดง
หุบเหวทุ่งนาไพรพง ทุกเขื่อนคลองที่ทุกข์ทน
หากแผ่นดินนั้นเป็นไทย เสด็จไปถึงทุกชั้นชน
ดังสายฝนโปรยปรายให้คลายทุกข์เข็ญ
น้ำพระทัยกว้างใหญ่มหาศาล ทรงงานมิเคยว่างเว้น
พระราชทานความร่มเย็น ด้วยแนวคิดอันยั่งยืน

พระองค์ทรงเป็น ตาน้ำของแรงบันดาลใจ
ยามทุกข์ยามท้อเมื่อใด พระราชนิพนธ์สอนสั่ง
เมื่อตกลงไปในน้ำ อย่ามัวถามเมื่อไรจะถึงฝั่ง
จงว่ายไปด้วยพลัง ว่ายด้วยธรรมของความเพียร
แม้นยามใดบ้านเมืองจะมืดมน เหลือแต่หนทางเดินที่วนเวียน
พระราชดำรัสดังแสงเทียน ส่องให้เห็นถึงปลายทาง

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ทุกย่านทุกหย่อมย่อมมีบ้างความแตกต่าง
ศาสนาพูดจาท่าทาง วัฒนธรรมท้องถิ่น
หลากหลายในชาติเชื้อพันธุ์ มารวมกันบนแผ่นผืนดิน
จงรักต่อพระภูมินทร์และแผ่นดินนี้
แม้ว่าความแตกต่างจะมากมาย แต่ในใจยังรักและสามัคคี
หนึ่งคำที่ทำให้คิดดี คือมีในหลวงองค์เดียวกัน

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ครองแล้วทรงครองแผ่นดิน ครองหัวใจไทยทั้งแผ่นดิน
ธ ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจไทยทุกดวง
เราผองคนไทยจึงมารวมกัน เปล่งเสียงจากใจถวายพระพร
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

**ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ**



          

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

ดูที่พ่อทำ...จำที่พ่อสอน !!

พระบรมราโชวาท
และ
พระราชดำรัชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




                ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้ ไม่ต้องไปตามอย่างในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าที่จะเจริญ ไม่น่าจะพัฒนา เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย
(ในโอกาสเสด็จไปเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการประสานมิตร 13 มีนาคม 2514) 






                ในการปฏิบัติราชการนั้น ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่อย่านึกถึงบำเหน็จรางวัล หรือผลประโยชน์ให้มาก ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เป็นทั้งรางวัลและประโยชน์อย่างประเสริฐ จะทำให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขและมั่นคง 
(เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน 2533)







                   ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2540) 








                 การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ 
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506) 







                  สามัคคี คือการเป็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิธีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแย่งตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมนั้นคือความมั่นคงของบ้านเมือง
(ในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล 15 มกราคม 2519) 







                      การทำงานใหญ่ๆทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้ ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน ใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร 14 ตุลาคม 2514) 








                   ในการปฏิบัติงานนั้น ย่อมมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามจนแก้ยาก ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆคนหลายๆทาง ด้วยความร่วมมือปรองดองกัน
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 13 กรกฎาคม 2533)








                    ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ
(พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2533)







                       คนไทย รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป 
(พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2521)






เพลง เดินตามรอยเท้าพ่อ





วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

เสียงตอบรับจาก...." รักพ่อภาคปฏิบัติ "

" รักพ่อภาคปฏิบัติ "


            ตรงนี้  "คนรักพ่อ" รวมกันเป็นหนึ่งเดียว  ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มไหน สีไหน ก็ต้อนรับ ขอเพียงมาตรงนี้ ทุกคนอยู่กลุ่มเดียวกัน คือกลุ่มของคนรักในหลวง ไม่แยก ไม่แตก จำให้ขึ้นใจ พวกล้มเจ้ารวมกันเข้มแข็ง แล้วพวกเราจะแยกกันอีกทำไม


v ถวายสัตย์ปฏิญาณกับพ่อที่ศิริราช
 ทุกวันอาทิตย์ ๑๐.๐๐ น.





ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี....ดังกึกก้อง... !!






รณรงค์รักพ่อภาคปฏิบัติด้วยการใส่เสื้อรักในหลวง แบบใดก็ได้ทั้งครอบครัว และส่งภาพถ่ายเข้าร่วมแบ่งปันกิจกรรม



กลุ่มนักศึกษาเริ่มให้ความสนใจกับ
กิจกรรมถวายคำปฏิญาณตน




สวดมนต์  ถวายพระพร ถวายคำปฏิญาณตนต่อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช ทุก
วันอาทิตย์ เวลา ๑๐.๐๐ น.ตั้งแต่บัดนี้จนกระทั่งถึงเดือน
ธันวาคม ๒๕๕๔




          " สำนึกคุณแผ่นดิน รักพ่อภาคปฏิบัติ "


..........................................................................................